เมื่ออาทิตย์ก่อน เราได้คุยกับ Viktor ที่งานปาร์ตี้แห่งหนึ่งที่เป็นแหล่งรวมตัวชาว coworkers เราก็เลยยิงคำถามแรกกับ Viktor ไปเลย “คุณทำงานที่ Betahaus (coworking space แห่งหนึ่งใน Berlin) ด้วยหรือเปล่า?” เขาก็ตอบกลับมาอย่างฉับไวเลยว่า “ไม่มีทาง!” พวกเราตกใจกันเล็กน้อย และก็ถามเขาต่อว่าทำไม...
:::
Viktor เป็นฟรีแลนซ์โปรแกรมเมอร์ซึ่งหลักๆแล้วจะเกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ และทำงานเกี่ยวกับการจัดวางผลงานศิลปะอีกด้วย Viktor มองการทำงานที่ coworking space เป็นเหมือนการทำงานในฟาร์มไก่ ที่ทุกคนนั่งกับเป็นแถบๆ แล้วก็จดจ้องแต่คอมพิวเตอร์ของตัวเองเหมือนเป็นไก่ตัวน้อยๆ “มันไม่ใช่สำหรับผมเลย” เขากล่าว “ผมอยากได้พื้นที่ส่วนตัว ผมต้องการพื้นที่ๆ สามารถทำเลอะเทอะได้ และยังมีพื้นที่ๆไม่มีความเลอะเทอะด้วย” สำหรับ Viktor แล้ว coworking ไม่ใช่ทางเลือกของเขาเลย...
:::
ไม่มีความเป็นส่วนตัว
Maja คืออีกหนึ่งผู้มาร่วมปาร์ตี้ในครั้งนี้ เธอนั่งข้างๆเราและ Viktor และทำงานเกี่ยวกับการหาเอเย่นต์ให้ศิลปิน Maja กล่าวเสริมอีกว่า “มันคงไม่เหมาะกับฉันเหมือนกัน ที่เหล่านี้เต็มไปด้วยผู้คนที่คอยจะสอดส่องคุณระหว่างคุณทำงาน ฉันไม่ชอบเลย ฉันมีออฟฟิศของฉันเองและฉันก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นที่ออฟฟิศฉันเช่นกัน”
Maja อธิบายว่า สิ่งแรกที่เธอทำในออฟฟิศเธอคือการย้ายคอมพิวเตอร์ไปอยู่ในมุมที่จะไม่มีใครเห็นว่าเธอกำลังทำอะไร “ฉันต้องมีกำแพงอยู่ข้างหลัง เพื่อป้องกันคนอื่นมองหน้าจอคอมของฉัน” เธอยังเล่าอีกว่า การทำงานที่ coworking space นั้น มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดการรบกวนสมาธิ เพราะว่ามีคนเดินไปมาตลอดเวลา และคุณก็จะใส่ใจในสิ่งรอบๆ ข้างมากเกินไป
:::
ฉันไม่เงินสำหรับเรื่องอย่างนี้หรอก
อีกหนึ่ง non-coworker ที่เราได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างสนุกสนานเลยก็คือ Jordi ซึ่งเป็นนักมายากล แต่ไม่ใช่กลเกี่ยวกับไพ่เท่านั้น แต่ยังทำเกี่ยวกับ QR-codes และ social media อีกด้วย Jordi ชอบในรูปแบบความคิดแนว coworking แต่เนื่องจากเขาอยู่ที่สเปน (ซึ่งกำลังประสพปัญหาเศรษฐกิจอยู่) การใช้จ่ายในเรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่าย “ผมเข้าใจนะว่ามันไม่แพง แต่เงินก็คือเงิน ผมรู้ว่าสังคมในนั้นดี แต่ตอนนี้เงินก็หายากมากๆ”
ในเมื่อเงินไม่สามารถเสกมาได้ดั่งมายากล Jordi จึงทำงานที่บ้าน แต่ก็ออกจากบ้านมาบ้างเพื่อพบปะลูกค้าและแสดงมายากล เราถามเขาถึงบรรยากาศสถานที่ทำงานในฝัน “ไม่ใช่ออฟฟิศ ไหนๆเดี๋ยวนี้เราก็สามารถส่งผ่านข้อมูลกันอย่างง่ายๆแล้ว การทำงานไม่เห็นจำเป็นจะต้องกระจุกอยู่ในที่เดียว แล้วอย่างงี้ฉันจะเลือกทำงานในออฟฟิศทำไมล่ะในเมื่อฉันจะทำงานที่บาร์ก็ได้!”
:::
Coworking space มีแต่เรื่องเทคโนโลยี
Ann เป็นสาวนักเรียนกราฟฟิคดีไซน์ เธอบอกกับเราว่าเธออยากจะเป็นฟรีแลนซ์ ยังไงซะก็ไม่มีทางเลือกมากหรอกสำหรับการเป็นกราฟฟิคดีไซน์เนอร์ ตอนนี้เธอทำงานให้กับ Betahaus ที่ Berlin แต่ไม่ใช่ในฐานะ cowoker ของที่นั่น เธอทำงานที่ร้านกาแฟและก็มักจะคลุกคลีกับเหล่าสมาชิก แต่เธอก็นึกภาพของการเป็น “ส่วนร่วม” ของที่นั่นไม่ออก เธอบอกว่า “ที่นี่มีแต่โปรแกรมเมอร์และพวก IT คือฉันไม่มายด์นะที่จะแชร์ที่ทำงานกับคนอื่น แต่ฉันอยากแชร์กับคนพวกเดียวกันมากกว่า” นอกเหนือจากความที่ coworking space นั้น “มีแต่เรื่องเทคๆ” เธอยังบอกอีกว่าพื้นที่มันใหญ่เกินไป “มันเป็นสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับบางคน แต่สำหรับฉันเอง ฉันอยากได้พื้นที่เล็กกว่านี้ มีคนน้อยกว่าและก็เงียบกว่า”
:::
“ฉันขยันกว่าเมื่ออยู่ที่บ้าน”
ยังมีอีกหนึ่งพวกของ non-coworker คือพวกที่ชอบมาชิวที่ coworking space อย่าง Paul หนุ่มนักดนตรีและผู้ก่อตั้ง audiofu.com เขามักจะโผล่มาที่ Betahaus cafe อย่างตามใจชอบ แถมพกคอมพิวเตอร์มาด้วยเพื่อให้ดูเหมือนว่ามาทำงาน
เราถามเขาว่าทำไมเขาถึงไม่ขึ้นไปข้างบนแล้วไปทำงานอย่างจริงจังที่ coworking space ล่ะ? “ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาทำงานหรอก” เขาบอก “ผมว่าผมขยันมากกว่าถ้าทำงานที่บ้าน ผมมาที่นี่เพื่อมาคุยและก็มาเจอเพื่อนใหม่ๆ ผมต้องการตรงนี้เพื่อออกมาจากหลุมที่บ้าน ผมไม่ได้ทำงานอะไรที่นี่หรอก แต่วันนี้ผมเครียด ก็เลยออกมาที่นี่” สำหรับ Paul แล้ว การ coworking เป็นการสร้างเครือข่ายมากกว่าการมาทำงาน และนั่นก็เป็นอีกหนึ่งมุมมอง...
:::
ก็อย่างที่เห็น บางที coworking คงไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกคน แตก็ไม่ได้แปลว่าทุกๆ ที่ก็เหมือนกันซะหน่อย เพียงแค่คุณลองทำการค้นคว้าซักหน่อย เราเชื่อว่าคุณจะเจอที่ๆเหมาะสำหรับคุณ ไม่ว่าจะเรื่องความเลอะเทอะ ความเป็นส่วนตัว ราคา ขนาด และลูกค้าที่คุณต้องการ เพียงแค่คุณตั้งใจหาเท่านั้นแหละ
> หน้าถัดไป : จะตอบเหล่าความคิดเห็นนี้อย่างไรดี